Join lnwphp's empire

วันอาทิตย์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2558

เหลือเชื่อ! แค่เอาเท้าไปแช่ลงในเกลือ ผลที่ได้แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญก็ยังไม่สามารถอธิบายได้





เหลือเชื่อ! แค่เอาเท้าไปแช่ลงในเกลือ ผลที่ได้แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญก็ยังไม่สามารถอธิบายได้

สำหรับคนรักสุขภาพ!!! เทรนด์ยอดฮิตที่กำลังมาแรงในตอนนี้นอกจากการออกกำลังกายแล้วนั้นคือ “แช่เท้าด้วยเกลือ” ที่ใครก็สามารถทำได้แบบไม่ต้องเสียเงินเข้าสปาเลย แถมได้ประโยชน์มากมายเกิดคาด!!

“เท้า” เป็นอวัยวะที่เราใช้งานหนักมาก เพราะไหนจะต้องแบกรับน้ำหนักเราที่มีหลายสิบโลแล้ว เรายังต้องอาศัยเท้าในการเดินหรือทำกิจกรรมอีกมากมายในแต่ละวัน แน่นอนว่าต้องมความเหมื่อยล้าบ้าง โดยเฉพาะสาวๆ ที่ชอบสวมใส่รองเท้าที่มีส้นสูงๆ

วันนี้เราจึงขอหยิบยกวิธีการดูแลสุขภาพเท้ามาฝาก นั้นคือ การแช่เท้าด้วยเกลือ ที่สำคัญไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกาย แถมไม่ต้องเสียเงินเสียทองมากมายเพื่อไปทำสปารเท้า การแช่เท้าในน้ำเกลือกลายเป็นอีกหนึ่งวิธีที่คนไทยกำลังพูดถึง และให้ความสนใจกันเป็นจำนวนมากในขณะนี้ ว่าแต่ทำแล้วจะช่วยอะไรบ้าง และต้องทำอย่างไรนั้นไปชมกันเลย!!!


ประโยชน์ของการแช่เท้าด้วยเกลือ

1. ช่วยดึงสิ่งที่ตกค้างในร่างกายออก

2. ช่วยดึงพลังงานลบที่เกิดจากอารมณ์ออก

3. ช่วยดึงประจุพลังงานลบ ซึ่งเป็นพลังงานไม่ดี ออกจากร่างกาย

4. หลังจากที่ดึงพลังงานลบออกจากร่างกายแล้วเราก็ใช้วิธีการรักษาได้ตามปกติ ทั้งนี้วิธีการนี้จะเป็นการช่วยดึงพลังงานลบออกจากร่างกาย ก่อนการรักษา ทำให้รักษาได้ง่ายขึ้น

5. เมื่อแช่เท้าด้วยเกลือ บ่อยๆ ร่างกายจึงไม่มีพลังงานลบที่ก่อโรคหลงเหลืออยู่อีก และนี่เองจึงทำให้สุขภาพของเราดีขึ้น


วิธีการแช่เท้าด้วยเกลือ

1. นำกะละมังขนาดที่สามารถวางเท้าแช่ได้-ใส่น้ำลงไปให้ท่วมตาตุ่มจะเป็นน้ำอุ่นหรือน้ำธรรมดาก็ได้

2. ใส่เกลือทะเล (ที่เป็นเกลือแบบเม็ด) ลงไปประมาณ 1 กำมือ

3. เอาเท้าเหยียบเกลือที่ยังไม่ละลาย

4. ทำจิตใจให้สงบ หรือเปิดเพลงบรรเลงเบาๆ นั่งอยู่ประมาณ 15-20 นาที

5. หลังจากนั้นให้ล้างเท้าด้วยน้ำเปล่า


การแช่เท้าด้วยเกลือนั้นคนปกติ สามารถทำได้ทำอาทิตย์ละครั้ง ส่วนคนป่วย ทำได้ทุกวันก่อนนอน หากผู้ใดที่ธาตุในร่างกายไม่สมดุล มีอาการหนาว สั่น ให้ใช้น้ำอุ่นในการแช่เท้า สำหรับคนที่ร้อนก็ให้ใช้น้ำเย็นแช่ค่ะ


การแช่เท้าเป็นวิธีปฏิบัติที่ถูกถ่ายทอดกันมาอย่างยาวนาน ตามหลักทฤษฎีการแพทย์ทางเลือกสาขา Reflexology โดยมีความเชื่อกันว่าเท้า มีจุดสัมผัส ซึ่งมีความสัมพันธ์กับการทำงานของอวัยวะต่างๆ ทั่วทั้งร่างกาย เพราะฉะนั้นวิธีกรการผ่อนคลาย ด้วยการแช่เท้าลงในน้ำร้อน จึงเป็นหนึ่งในวิธีที่จะช่วยกระตุ้นจุดสัมผัสเหล่านี้ด้วยพลังงานความร้อน


ทางด้างผลงานการวิจัยของ นายแพทย์ วิลเลียม วินเทอร์วิตซ์ จากประเทศออสเตรีย มีความคิดเห็นว่า ประสาทรับสัมผัสที่ผิวหนังจะมีวงจรประสาทเชื่อมต่อกัน กับกล้ามเนื้อ รวมถึงอวัยวะต่างๆ ที่อยู่ภายในร่างกาย และเมื่อความร้อน มาสัมผัสกับผิวหนัง มันก็จะส่งสัญญาณไปยังส่วนต่างๆของร่างกาย และทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงการทำงานของอวัยวะที่อยู่ห่างไกลได้


ทั้งนี้การแช่เท้า ไม่ว่าจะเป็นน้ำเกลือหรือน้ำอุ่นหรือไม่ก็ตาม ยังมีข้อดีอีกหลายอย่างดังนี้!

1. ลดอาการปวดบวมที่เท้าแล้ว
2. ลดอาการปวดท้อง
3. กระตุ้นความต้านทานของร่างกาย
4. ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานดีขึ้น
5. ป้องกันอาการมือเท้าเย็นโดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาว
6. ลดอาการอักเสบของจมูกและลำคอ
7. ช่วยให้อาการปวดหัวหรือปวดประจำเดือนลดลง
8. ลดอาการคั่งของเลือดที่ส่วนอื่นๆ
9. ทำให้นอนหลับง่ายตลอดคืน เป็นต้น


ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก : เบ็ดเตล็ดไอเดีย
ชื่นชอบข่าวนี้ อยากแชร์ต่อให้เพื่อนๆ

มหาเศรษฐีท่านหนึ่ง บ้านช่องสวยงามตระการตาแต่อยู่ติดกับบ้านที่เป็นรั้วบ้านเก่าสังกะสีผุๆ ท่านตื่นขึ้นมาทุกเช้า มองออกไปเห็นบ้านเฮงซวยหลังนี้ ทิวทัศน์ ทัศนวิสัย แย่มาก






มหาเศรษฐีท่านหนึ่ง บ้านช่องสวยงามตระการตาแต่อยู่ติดกับบ้านที่เป็นรั้วบ้านเก่าสังกะสีผุๆ ท่านตื่นขึ้นมาทุกเช้า มองออกไปเห็นบ้านเฮงซวยหลังนี้ ทิวทัศน์ ทัศนวิสัย แย่มาก
วันหนึ่งทนไม่ไหวแล้ว เห็นตาแก่เจ้าของบ้านสังกะสีตื่นมาพอดี จึงเดินเข้าไปหาและถามว่าบ้านมึงขายเท่าไร ? กูเห็นทุกวันอุบาทว์ตามาก จะขายเท่าไรก็ซื้อ
เจ้าของบ้านสังกะสีอันซอมซ่อ เงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับพูดจานุ่มนวลอ่อนโยนว่า.. ท่านผู้มีอันจะกิน ไม่ขายขอรับ ทุกเช้าผมตื่นขึ้นมา ก็ได้เห็นปราสาทที่งดงามของท่าน ผมมีความสุขที่ได้เห็นแต่สิ่งที่สวยงามตระการตา ทุกเช้าสายบ่ายเย็น ถ้ากระผมขายบ้านให้ท่านไป กระผมก็จะไม่ได้เห็นสี่งที่งดงามตระการตานี้อีกต่อไป
มหาเศรษฐีถามต่อ แล้วมึงไม่ดูบ้านตัวเองว่า อุดจาดตาแค่ไหน อยู่ได้ยังไงนี่
เจ้าของบ้านสังกะสีอันซอมซ่อ ตอบว่า..ขอรับกระผม กระผมก็แค่อาศัยอยู่ด้วยจิตที่เสาะแสวงหาแต่ความดี และความงาม อะไรที่มันไม่งาม กระผมก็ไม่สนใจดู กระผมดูแต่ความงามความดีเท่านั้น อะไรที่ไม่ดีไม่งามกระผมก็ไม่ใส่ใจขอรับ กระผมก็ไม่เข้าใจท่านเหมือนกัน บ้านท่านออกใหญ่โตงดงาม แต่ท่านกลับไม่สนใจ ตื่นเช้ามาก็สนใจแต่บ้านเฮงซวยของกระผม ถ้ากระผมเป็นท่าน จะชื่นชมความงามพร้อมของบ้านตัวเอง และไม่สนใจบ้านที่เฮงซวยของคนอื่น
ท่านเศรษฐี ได้คิดว่า.. จริงด้วย เราคงบ้าไปแล้ว
ที่เอาจิตของตัวเองไปจับแต่เรื่องเลวร้าย บ้านของตัวเองที่สวยงามมากกลับไม่สนใจ แถมยังไปวุ่นวายกับของนอกกายรอบข้างที่สกปรก นับตั้งแต่นั้นมา ท่านมหาเศรษฐีก็เข้าใจในธรรมของผู้ยากไร้
และกลายเป็นกัลยาณมิตรกัน จวบจนสิ้นอายุขัย
บางครั้ง เรามัวแต่มองออกไปภายนอก จนลืมมอง ถึงสิ่งดีๆ ที่เรามี อยู่กับตัว หากเราได้...ตั้งสติ และมองออกจากภายใน มองด้วยจิตใจที่งดงาม เราคงได้เห็น ความงดงาม และ คุณค่า ของสิ่งต่างๆ อีกมากมาย ที่อยู่รอบๆ ตัวเรา ใจของเรา..คงผ่องใส ชีวิตของเรา..คงมีแต่ความสุข ได้ทุกวัน
(ที่มา facebook Siriwatt Takchan )